โกโก้ เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพที่ขอแนะนำซึ่งก็เป็นกระแสมาสักพักแล้วสำหรับ “โกโก้” เครื่องดื่มรสเข้มที่สายหวานหลายคนชื่นชอบ นอกจากจิบแล้วฟินช่วยคลายร้อนได้แล้ว สายสุขภาพหลายคนยังรู้ว่าผงโกโก้คุณภาพนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่างและวันนี้เจาจะพาคุณมาดูถึงสรรพคุณของโกโก้กันเพิ่มขึ้นพร้อมแล้วมาดูกันเลย
ถิ่นกำเนิดของโกโก้
ต้นโกโก้มีกำเนิดอยู่ในอเมริกาใต้ (South America) หรืออเมริกากลางโดยบางกลุ่มของผู้ศึกษาเชื่อว่าต้นโกโก้กลุ่มแรกพบที่ต้นน้ำของแม่น้ำอะเมซอน ในตอนเหนือของบราซิล ปัจจุบันต้นโกโก้สามารถพบได้ในพื้นที่เขตร้อนของโลก เช่น แอฟริกาใต้ ไนจีเรีย, กาน่า, ไอวอรี่โคสต์ และบางประเทศในทวีปเอเซีย เช่น อินโดนีเซีย (Indonesia) ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งของทวีปเอเชียที่ผลิตโกโก้ได้ในปริมาณสูง
ลักษณะทั่วไปของต้นโกโก้
โกโก้นั้นได้มาจากเมล็ดของต้นกาเกา (Cacao) เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สามารถปลูกและเจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อนชื้น ด้วยธรรมชาติแล้วโกโก้ต้องการแสงแดดและน้ำอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ ที่มีสภาพอากาศและพื้นดินเหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของพืชชนิดนี้ โดยลักษณะของต้นโกโก้จะประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ดังนี้
- ลำต้น
โกโก้จะมีลักษณะลำต้นเป็นลำต้นเดียว สูงประมาณ 1-2 เมตร ตายอดจะหยุดการเจริญเติบโตและเปลี่ยนเป็นแตกกิ่งกระโดงและกิ่งแขนงขนานกับพื้นดินเป็นทรงพุ่ม
- ใบ
ลักษณะใบทรงรีเรียว ปลายใบแหลม ใบอ่อนจะมีสีเขียวอ่อนไปจนถึงน้ำตาลอมแดง ใบโกโก้ออกเวียนสลับรอบลำต้น โดยขนาดของใบและความเข้มของสีใบโก้โก้ ยังขึ้นอยู่กับแสงที่ได้รับหากได้รับแสงมากเกินไปใบจะมีสีอ่อนและอาจหลุดร่วงได้ง่าย ซึ่งแสดงถึงความไม่สมบูรณ์ของต้นได้
- ดอก
โกโก้จะออกดอกเป็นกลุ่ม ๆ ซึ่งดอกมีสีขาวนวลอมชมพู มีกลีบดอก 5 กลีบสลับกับกลีบเลี้ยงสีเขียวอ่อน ขนาดของดอกประมาณ 1 เซนติเมตร บนก้านดอกยาว 1-2.3 เซนติเมตร
- ผล
ลักษณะผลเป็นทรงรียาว คล้ายอินทผาลัมห้อยลงตามกิ่งและลำต้นมีก้านสั้น ผิวขรุขระเป็นปุ่มป่ำ ผลอ่อนจะมีสีเขียวจนถึงเขียวแก่ และจะกลายเป็นสีเหลืองก่อนที่จะเจริญเติบโตเต็มที่จะเป็นสีแดงอมเหลืองหรือสีแดงอมม่วงเรียงยาวเป็นแถวตามแกนกลางของผลโกโก้
- เมล็ด
เมื่อผ่าผลของโกโก้ที่แก่เต็มที่ออกมาจะเห็นเมล็ดโกโก้ทรงรี มีสีน้ำตาลโดยจะห่อหุ้มด้วยใยหุ้มเมล็ดบาง ๆ สีขาวนวลโดยเยื่อหุ้มนี้จะให้รสหวาน
คุณประโยชน์ของโกโก้
1. ช่วยต้านมะเร็ง
โกโก้ นั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระจึงสามารถช่วยในการต้านมะเร็งในปริมาณที่สูงกว่าเครื่องดิ่มประเภทเป็นชาเขียว ชาดำ หรือไวน์แดง สารต้านอนุมูลอิสระสำคัญใน โกโก้ ช่วยในการปกป้องเซลล์จากการถูกทำร้ายโดยแบคทีเรีย ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ป้องกันไม่ให้เซลล์มะเร็งที่มีอยู่แล้วมีการแพร่กระจาย ช่วยกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งตาย
2. ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจ
โกโก้มีสรรพคุณในการป้องกันการอุดตันในเลือด และลดการปิดกั้นการไหลเวียนของหลอดเลือดซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ เป็นตัวช่วยสำคัญที่ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจนอกจากนี้ในโกโก้ยังมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ไขมันอิ่มตัว และกรดโอเลอิก (Oleic acid) ที่ช่วยให้สุขภาพหัวใจแข็งแรง
3. ลดความดันโลหิต
ผู้ที่รับประทานโกโก้เป็นประจำ จะมีการขยายตัวของหลอดเลือดซึ่งช่วยให้ระบบเลือดสามารถไหลเวียนได้ดี และยังช่วยลดความเครียดที่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการมีความดันโลหิตสูงอีกด้วย
4. ลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน
โกโก้และผงโกโก้ ช่วยชะลอกระบวนการย่อยอาหาร ช่วยให้สามารถดูดซึมคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลได้ดี และสารโพลิฟินอลส์ (Polyphenols) ยังมีส่วนช่วยในการสลายน้ำตาลกลูโคส เพื่อการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดมีความสมดุล และเพิ่มความต้านทานต่ออินซูลินได้
5. ป้องกันภาวะสมองเสื่อม
ได้รับการค้นพบว่ามีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานรของสมอง ช่วยให้เลือดไหวเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดี และยังช่วยป้องกันโรคความเสื่อมของระบบประสาท เช่น ภาวะสมองเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ หรือภาวะสมองเสี่อม
6. ช่วยให้อารมณ์ดี ลดซึมเศร้า
เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกอ่อนล้า หดหู่ เศร้าโศก ให้โกโก้อยู่เป็นเพื่อนคู่ใจของคุณสิ สารอาหารในโกโก้หรือผงโกโก้ รวมถึงช็อกโกแลตที่ทำมาจากโกโก้ ก็มีส่วนช่วยลดอาการเซื่องซึม เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า
7. ช่วยในการลดน้ำหนัก
โกโก้เมื่อกินแล้วทำให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น และยังเพิ่มการเผาผลาญไขมันได้ดีอีกด้วย
8. โกโก้ดีต่อสุขภาพฟัน
นอกจากที่เล่ามาแล้วนั้นคนที่ชอบการรับประทานโกโก้ ยังสามารถช่วยให้สุขภาพช่องปากแข็งแรงได้ เพราะในมีสารที่ชื่อว่า ทีโอโบรมีน ที่มีฤทธิ์การต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรีย และทำให้ฟันแข็งแรง แต่ข้อสำคัญคือไม่ควรเติมน้ำตาลลงไปในโกโก้
ผลข้างเคียงที่ควรระวัง
แม้ว่าโกโก้ จะเป็นตัวช่วยในการมีสุขภาพที่ดี แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีข้อแนะนำและข้อควรระวังบางประการสำหรับการรับประทานโกโก้ ดังนี้
- ผู้ที่มีอาการวิตกกังวล ควรระวังการกินโกโก้ เนื่องจากคาเฟอีนในโกโก้ อาจส่งผลให้มีอาการหัวใจเต้นผิดปกติ
- ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ไม่ควรรับประทานโกโก้ในปริมาณมาก เนื่องจากอาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด
- ผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน การรับประทานผงโกโก้ อาจทำให้อาการที่เป็นอยู่แย่ลงกว่าเดิม
- ผู้ที่เป็นต้อหิน ควรระมัดระวังโกโก้ เนื่องจากสารคาเฟอีนในโกโก้จะมีผลต่อความดันที่ดวงตา
- ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง หากรับประทานโกโก้อาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ได้
การรับประทานโกโก้แม้จะไม่ได้ส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยตรง แต่ผู้ที่มีอาการทางสุขภาพอยู่แต่เดิมแล้ว ควรขอคำแนะนำจากคุณหมอและผู้เชี่ยวชาญว่าสามารถรับประทานได้หรือไม่ และปริมาณเท่าใดจึงจะไม่ส่งผลต่อสุขภาพ ที่สำคัญคือควรรู้จักงดหวานในการกินผงโกโก้เพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพสูงสุด
ขอบคุณรูปจาก
https://www.technologychaoban.com
อ่านต่อที่ สมุนไพรแบ่งตามสรรพคุณ