พิลังกาสา (Ardisia elliptica Thunb) ถ้าบอกชื่อนี้ เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยว่าคือต้นไม้อะไร แทบจะไม่มีใครรู้จักเสียด้วยซ้ำ แต่ถ้าหากบอกว่านี่คือตัวสมุนไพรหลักที่ในเป็นส่วนผสมของยาต้านมะเร็ง “หมอแสง” เชื่อว่าทุกคนคงร้องอ๋อกันเป็นแถวๆ ซึ่งวันนี้เราก็เลยนำ “ต้นพิลังกาสา” ต้นไม้สารพัดประโยชน์ที่เป็นทั้งไม้ดอก ไม้ประดับ และสามารถใช้เป็นสมุนไพรรักษาอาการต่างๆได้ด้วย เริ่มสนใจกันแล้วใช่ไหมคะ ถ้าอยากรู้ก็ตามมาดูเลยค่ะ
ต้นพิลังกาสา (Ardisia elliptica Thunb)
ต้นพิลังกาสา มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ardisia polycephala Wall.ex A.DC. มีชื่อท้องถิ่นสมุนไพรพิลังกาสา มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ผักจำ ผักจ้ำแดง (เชียงใหม่, เชียงราย), ตีนจำ (เลย), ลังพิสา (ตราด), ทุรังกาสา (ชมพร), ราม (สงขลา), ปือนา (มลายู-นราธิวาส), พิลังกาสา (ทั่วไป), จิงจ้ำ, จ้ำก้อง, มะจ้ำใหญ่, ตาปลาราม, ตาเป็ด, ทุกังสา, มาตาอาแย
ถิ่นกำเนิดพิลังกาสา
ต้นพิลังกาสา ที่มีต้นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบได้ไปตามหมู่เกาะในประเทศญี่ปุ่น และกระจายอยู่ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยาวไปจนถึงอินเดียภาคใต้
การขยายพันธุ์
นิยมการขยายพันธุ์ด้วยวิธีเพาะเมล็ด ธรรมชาติของ ต้นพิลังกาสา มักจะโตได้ในที่ดินทรายหรือดินเหนียว ไม่ชอบดินที่ชื้นแฉะ สามารถพบได้ตามป่าราบและพื้นที่ทั่วไป
ลักษณะของพิลังกาสา
- ต้นพิลังกาสา
เป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นที่มีขนาดต้นไม้ใหญ่ และสูงพอประมาณ โดยความสูงก็จะอยู่ที่ราว ๆ2-3 เมตร แต่บางที่สามารถพบได้สูงถึง 8 เมตร ลำต้นมีสีน้ำตาลเข้ม ผิวเกลี้ยงบาง แตกกิ่งก้านสาขาได้มาก ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงสลับแบบวนรอบ ก้านใบเป็นสี่เหลี่ยมอ้วน ออกใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกันเป็นคู่ ๆ ตามข้อต้น
- ใบพิลังกาสา
ใบลักษณะเป็นรูปใบหอกยาว ปลายใบแหลมหรือโค้งมนเล็กน้อย โคนสอบเป็นรูปลิ่ม ขอบใบเรียบ ใบหนา ผิวเรียบและเกลี้ยง ด้านบนจะมีสีเขียวสดกว่าด้านล่าง แผ่นใบเป็นสีเขียวมัน มีลักษณะหนาและใหญ่ ส่วนยอดอ่อนเป็นสีแดง
- ดอกพิลังกาสา
ดอกออกเป็นช่อตามปลายกิ่ง กลีบดอกสีชมพู 5 กลีบ รูปไข่กว้าง ปลายแหลม โคนเรียงซ้อนกัน เกสรตัวผู้สีเหลือง อับเรณูแคบยาวมีจุดสีดำที่โคน ก้านเกสรเพศเมียยาวคล้ายเข็ม ผลออกเป็นกระจุกมีก้านช่อยาวห้อยย้อยลง และก้านผลยาวเรียงสลับรอบก้านช่อ
- ผลพิลังกาสา
ผลอ่อนเป็นสีแดง ค่อนข้างกลมมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.5 เซนติเมตร เนื้อค่อนข้างบางภายในมีเมล็ด 1 เม็ด ออกผลเป็นกระจุกมีก้านช่อยาวห้อยย้อยลง และก้านผลยาวเรียงสลับรอบก้านช่อ ผลอ่อนเป็นสีแดง เมื่อแก่หรือสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงดำ
ประโยชน์ของพิลังกาสา
- ประโยชน์ของพิลังกาสา ผลอ่อน ใบอ่อน ยอดอ่อนมีรสชาติฝาดมัน เปรี้ยวอมหวาน ใช้รับประทานเป็นผักเหนาะได้
- ผลสุกของพิลังกาสามาทำเป็น “ไวน์พิลังกาสา” สำหรับดื่มเพื่อสุขภาพได้ เนื่องจากสารเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติในการช่วยป้องกันเส้นเลือดตีบและเส้นเลือดอุดตัน
- ผลของพิลังกาสาสุกจะเป็นสีม่วงเข้มจนเกือบดำ โดยสีม่วงนี้จะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันไม่ให้อนุมูลอิสระไปทำลายเซลล์ในร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดในสมองอุดตัน
- นอกจากนี้ยังช่วยยับยั้งเชื้ออีโคไล (E. coli) ในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคท้องร่วงและอาหารเป็นพิษได้อีกด้วย
- ต้นพิลังกาสาเป็นที่นิยมในการนำมาปลูกเป็นไม้ประดับตามสถานที่ราชการหรือตามสวนสาธารณะทั่วไป เพาะปลูกได้ง่าย อีกทั้งดอกยังมีความสวยงามและออกดอกดกเป็นกลุ่มใหญ่
สรรพคุณทางยาของพิลังกาสา
- ผลสุกนำมาตากแห้งบดเป็นผงผสมกับน้ำผึ้ง แล้วปั้นเป็นลูกกลอนกิน หรือใช้ผงยา 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำครึ่งแก้วดื่มช่วยบำรุงโลหิต
- ผลใช้เป็นยาแก้ไข้
- ใบมีรสร้อน ช่วยแก้อาการไอ ใช้เป็นยาแก้ลม ช่วยแก้ปอดพิการ ใบและผลช่วยแก้ท้องเสีย ใบใช้เป็นยารักษาโรคตับพิการ
- ดอกใช้เป็นยาแก้พยาธิ ใช้เป็นยาฆ่าเชื้อ
- รากใช้เป็นยาแก้กามโรค หนองใน
- รากใช้เป็นยาพอกปิดแผล ถอนพิษงูกัด แก้พิษงู หรือใช้กากพอก
- ช่วยแก้โรคระดูของสตรี ด้วยการนำผลสุกมาตากแห้งบดเป็นผงผสมกับน้ำผึ้ง แล้วปั้นเป็นลูกกลอนกิน
- ต้นใช้เป็นยาฆ่าพยาธิผิวหนัง ยารักษาโรคผิวหนัง แก้โรคเรื้อน กุฏฐัง
พิลังกาสา กับสรรพคุณที่มีในทุกส่วนของต้น ต้องยอมรับเลยว่าสุดยอดจริงๆ ค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าบ้านเราจะมีต้นไม้สายพันธุ์ที่ดีและมีคุณค่ารอบด้านแบบนี้ ไหน ๆ ก็เป็นสาวกคนรักต้นไม้แล้วคงปล่อยให้หลุดมือไปไม่มีไว้สักต้นคงเสียดายแย่วันหยุดนี้เห็นที่ต้องตลุยตลาดต้นไม้ไปหามาปลูกสักต้นแล้วล่ะคะ
อ่านบทความ ใบระบาด กับการรักษาโรคผิวหนัง